welcome ยินดีต้อนรับสู้บล็อกเกอร์ของนางสาวเบญจมาศ บริบูรณ์ จ้าจ้า

วันจันทร์ที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2558


สัปดาห์ที่ 11 วันที่ 17  มีนาคม 2558





บันทึกอนุทินครั้งที่ 11
Inclusive Education Experiences Management for Early Childhood
วิชาการจัดประสบการณ์การศึกษาแบบเรียนรวม
อาจารย์ผู้สอนอาจารย์ ตฤณ  แจ่มถิ่น
วัน/เดือน/ปี  วันอังคาร ที่ 17  มีนาคม  2558 
เข้าสอนเวลา 14:10-17:30 น.







**กิจกรรมวันนี้**


อาจารย์เริ่มด้วยการทักทายพูดคุยแล้วหลังจากนั้นอาจารย์ก็ให้ทำกิจกรรมโดยการพาไปเที่ยวไร่สตอว์เบอรรี่






แล้วถามคำถามว่าเมื่อนักศึกษษเห็นไร่สตอว์เบอรี่นักศึกษาคิดว่ารั่วที่กั่นจะเป็นั่วแบบไหน
ตอบ รั่วไม้ความสูงประมานหน้าอก
และเมื่อนักศึกษาผ่านรั่วเข้าไปแล้วนักศึกษาจะหยิบสตอว์เบอรี่กินกี่ลูก
ตอบ ไม่หยิบกินแต่จะหยิบใส่ตระกร้าแล้วเอาออกมากินข้างนอก
และในขณะที่ทำอะไรอยู่ในไร่สตอว์เบอรี่เจ้าของไร่มาพอดีนักศึกษาจะทำอย่างไร
ตอบ ก็ไม่ทำไงอยู่เชยๆ
ถ้าให้นักศึกษาทบทวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในไร่สตอว์เบอรี่นักศึกษารู้สึกอย่างไรกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ตอบไม่รู้สึกอะไรค่ะเชยๆ
เฉลยการทำกิจกรมคือ การนอกใจแฟน คำตอบก็เหมือนอย่างที่เาตอบไป

กิจกรมต่อมาอาจาย์แจกสีก็คือวัสดุฝึกที่เราจะได้ในเทอมนี้ ก็คือสีไม้



จากนั้นอาจารย์แจกชีดเนื้อเพลงให้แล้วให้กลับไปฝึกร้องที่บ้านแล้วอาจารย์มาสอบหนาห้องเรียนให้เลือกเพลงที่ถนัดที่สุด 1 เพลง



จากนั้นเรียนเรื่องการส่งเสิมทักษะด้านการช่วยเหลือตนเอง


=ทักษะการช่วยเหลือตนเอง
(ให้อิสระโดยที่ไม่มีครูมาค่อยบอกค่อยสั่งให้ทำโน้นทำนี้)
-เรียนรู้การดำรงชีวิตอย่างอิสระให้ได้มากที่สุด
การกินอยู่
การแต่งตัว
กิจวัตรต่างๆในชีวิตประจำวัน
=การสร้างความอิสระ
-เด็กอยากช่วยเหลือตนเอง
-อยากทำงานตามความสามารถ
-เด้กเลียนแบบการช่วยเหลือตนเองจากเพื่อน หรือเด็กที่โตกว่า
=ความสำเร็จเป็นสิ่งสำคัญ
-การได้ทำด้วยตนเอง
-เชื่อมั่นในตนเอง
-เรียนรู้ความรู้สึกที่ดี
=หัดให้เด็กทำเอง
-ไม่ช่วยเหลือเกินความจำเป็นต้องใจแข็งไว
-ผู้ใหญ่มักทำสิ่งต่างๆให้เด็กมากเกินไป
-ทำให้แม้กระทั้งสิ่งที่เด็กสามารถทำได้เองให้เวลาเขาทำ
-หนูทำซ้ำ หนูยังทำไม่ได้
=จะช่วยเมื่อไหร่
-เด็กก็มีบางวันที่ไม่อยากทำอะไร หงุดหงิด เบื่อ ไม่ค่อยสบาย
-หลายครั้งเด็กจะขอความช่วยเหลือจากสิ่งที่ได้เรียนรู้ไปแล้ว
-เด็กรู้สึกว่ายังมีผู้ใหญ่ที่สามารถพึ่งได้แต่ต้องได้รับความช่วยหลือเฉพาะสิ่งที่เด็กต้องการ
-มักช่วยเด็กในช่วงทำกิจกรรม














=ลำดับขั้นตอนในกาช่วยเหลือตนเอง
-แบ่งทักษะการช่วยเหลือตนเองออกเป็นขั้นย่อยๆ
-เรียงลำดับตามขั้นตอน
=กาเข้าส้วม
-เข้าไปห้องส้วม
-ดึงกางเกงลง
-ก้าวขึ้นไปนั่งบนส้วม
-ปัสสวะะหรืออุจจาระ
-ใช้กระดาษชำระเช็ดก้น
-ทิ้งกระดาษชำระในตระกร้า
-กดชักโครกหรือตักน้ำราด
-ดึงกางเกงขึ้น
-ล้างมือ
-เช็ดมือ
-เดินออกจากห้องส้วม
(เาจะต้องย่อยงานให้เด็กอย่างละเอียดและเป็นขั้นตอน)
=การวางแผนทีละขั้น
-แยกกิจกรรมเป็นขั้นย่อยๆให้มากที่สุด





สรุป
-ครูต้องพยายามให้เด็กทำสิ่งต่างๆด้วยตนเอง
-ย่อยงานให้เด็กแต่ละอย่างเป็นขั้นๆ
-ความสำเร็จขั้นเล็กๆนำไปสู่ความสำเ็จทั้งมวล
-ช่วยให้เด็กมีความมั่นใจในตนเอง
-เด็กพึ่งตนเองได้รู้สึกเป็นอิสระ

ต่อมาอาจารย์ให้ทำกิจกรรมศิลปะ





ผลงานของหนูค่ะ



จากนั้นอาจารย์ให้นำวงกลมของตัวเองไปแป๊ะบนต้นไม้ทีละคน








ต้นไม้แห่งความรักของกลุ่ม 103




สรุปการทำกิจกรรม
-ได้เรื่องมิติสัมพันธ์
-รูปทรงและสี
-ความคิดสร้างสรรค์และจินตนาการใหม่ๆ



การนำไปประยุกต์ใช้
สามารถนำเทคนิคและวิธีกาสอนที่อาจารย์สอนไปใช้สอนได้จริงและสามารถรับมือกับเด็กได้เพาะว่าเรารู้แล้วเรื่องทักษะการช่วยเหลือตนเองของเด็กคนเป็นครูจะต้องไม่ช่วยเหลือเด็กเกินความจำเป็นเพราะว่าเด็กอาจจะทำได้อยู่แล้วจะต้องใจแข็งเข้าไว้และเราจะต้องใจเย็นเวลาที่เด็กถามบ่อยๆและเราควรเป็นคนที่ค่อยช่วยเหลือให้คำแนะนำเพียงเท่านั้น



ประเมินตนเอง
ในวันนี้เข้าเรียนตรงเวลาแต่งกายเรียบร้อยตั้งใจฟังสิ่งที่อาจารย์สอนและมอบเทคนิคต่างๆให้เป็นอย่างดีแต่ก็มีคุยมีเล่นกับเพื่อนอยู่บ้างพอสมควรแต่เวลาทำกิจกรรมก็ตั้งใจทำอย่างเต็มที่เต็มความสามารถและตั้งใจฟังที่สิ่งอาจาย์มอบเทคนิคต่างๆให้การใช้บทบาทสมมุติทำให้หนูเรื่องู้เรื่องและเห็นภาพมากขึ้นและสนทนาตอบโต้กับอาจารย์อยู่บ่อยครั้งในการเรียน

ประเมินเพื่อน
ในวันนี้เพื่อนเข้าเรียนตรงเวลาแต่งกายเรียบร้อยตั้งใจเรียนกันดีมีคุยมีเล่นมีกินขนมกันอยู่เยอะพอสมควรแต่เพื่อนบางคนก็ตั้งใจฟังเป็นอย่างมากและจดบันทึกตามที่อาจารย์ชี้แนะเพิ่มเติม

ประเมินอาจารย์
วันนี้อาจาย์เข้าสอนตรงเวลาเหมือนทุกๆคั้งแต่งกายเรียบร้อน่ารักเหมาะกับการเป็นครูและอาจารย์ก็มีเทคนิคดีๆและการแสดงบทบาทสมมุติอยู่ตลอดทุกหัวข้อทำให้เห็นภาพและเข้าใจมากยิ่งขึ้นกว่าเดิมและเรียนรู้เรื่องทำให้การเรียนการสอนน่าสนใจและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น




วันเสาร์ที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2558


สัปดาห์ที่ 10 วันที่ 10  มีนาคม 2558






บันทึกอนุทินครั้งที่ 10
Inclusive Education Experiences Management for Early Childhood
วิชาการจัดประสบการณ์การศึกษาแบบเรียนรวม
อาจารย์ผู้สอนอาจารย์ ตฤณ  แจ่มถิ่น
วัน/เดือน/ปี  วันอังคาร ที่ 10  มีนาคม  2558 
เข้าสอนเวลา 14:10-17:30 น.










กิจกรรมวันนี้





อาจารย์เริ่มด้วยอาจารย๋เล่าเรื่องการสอบบรรจุแล้วอาจารย์ก็ถามว่าใครจบปี5แล้วใครจะไปสอบบรรจุเลยบ้างหนูหนึ่งคนที่ยกมือแต่อาจารย์บอกว่าใครที่คิดจบแล้วจะไปสอบเลยจะต้องเิ่มอ่านหนังสือตั้งแต่ตอนนี้เพราะถ้าไปอ่านเอาปี5เลยไม่ทันแน่ๆกาสอบบรรจุอาจารย์บอกว่ามีอยู่ 2 สังกัดคือ สังกัด กรุงเทพมหานคร กับสังกัด เขตพื้นที่การศึกษาทั่วประเทศ(สพฐ) แล้วอาจาย์ก็บอกถึงแนวข้อสอบว่ามีทั้งหมด 3 ขั้น คือ 1. ภาค ก หรือความรู้ทีั่วไป เช่น พรบ.การศึกษา วิชาหลักสูตรวิชาการบริหารจัดการในชั้นเรียน วิชาการประเมิน เป็นต้น ส่วนภาค ข คือ วิชาเอกของแต่ละสาขาวิชา เช่น กาศึกษาปฐมวัย เป็นต้น จะสอบเกี่ยวกับความรู้ในสาขานั้นๆอย่างละเอียดอาจารย์บอกว่ายาก ในภาค  ข และกาสอบสัมภาษณ์เป็นขั้นตอนสุดท้าย
แล้วอาจารย์ก็อธิบายถึงความแตกต่างระหว่าง กทม /สพฐ/เอกชล
-เอกชลพ่อแม่ผู้ปกครองเขาคิดว่าเขาเสียตังมาเรียนเค้าจะไม่สนใจครูเลย
-กทม จะไม่ใช่กิจกรรมหลักกิจกรรมหลัก 6 กิจกรมส่วนมากจะใช้อ่านเขียนมากกว่า
ส่วน สพฐ การเรียนการสอนจะเป็นไปตามหลักสูตรที่วางไว้เลย
และสุดท้ายอาจารย์บอกว่า ชื่อโรงเรียนดีๆเพราะเข้าไปการเรียนการสอนหรือสิ่งต่างๆอาจจะไม่ดีเหมือนชื่อก็ได้
กิจกรรมต่อมาอาจารย์ให้ดูวีดีโอการศึกษาแบบเรียนร่วมของ 'โรงเรียนบ้านพลอยภูมิ'



ความรู้ที่ได้รับจากการชมวีดีโอ
 ได้รู้ว่ากาจัดกิจกรรมที่่ช่วยส่งเสริมการเรียนของเด็กในห้องเรียนเรียน่วมคือ กิจกรรมเคลื่อนไหวและจังหวะครูมักจะนำมาช่วยพัฒนาเด็กทั้งทางด้านร่างกายคือ การเดิน การเขย่งปลายเท้า การทรงตัวการก้าวกระโดน ความสมดุลของร่างกาย
ด้านอามณ์ คือ เด็กอายุเท่ากันมีพัฒนาการช้าอาจจะไม่ให้ความร่วมมือในกาทำกิจกรมเท่าที่ควรครูจึงต้องนำกิจกรรมเคลื่อนไหวมาช่วยส่งเสริมและเป็นการกระตุ้นให้กับเด็ก เด็กจะได้สนุกสนุกและอยากจะทำกิจกรรมเช่น            
 เพลงหอยโข่ง
 "หอยโข่งหอยโข่ง มันหดตัวเป็นวงกลม"
กิจกรรมต่อมาอาจารย์ให้ทำกิจกรรมมีเกมมาให้เล่นเพื่อกระตุ้นสมองก่อนเรียนในวันนี้เราเรียนกันท้งหมด 60 คนเรียนร่วมกัน 2 กลุ่มค่ะ
วันนี้อาจารย์สอนเรื่อง การส่งเสริมทักาษะต่างๆของเด็กพิเศษ
ทักษะด้านภาษา
ห้องเรียนสำหรับเด็กทางภาษาจะต้องมีตัวหนังสือเยอะๆถึงแม้ว่าเด็กจะอ่านออกหรือไม่ก็ตามและช่วยส่งเสริมการร้องเพลง/เล่านิทาน/การท่องคำคล้องจอง
=กาวัดความสามารถทางภาษา
-เข้าใจสิ่งที่ผู้อื่นพูดไหม
-ตอบสนองเมื่อมีคนพูดด้วยไหม
-ถามหาสิ่งต่างๆไหม
-บอกเล่าเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นไหม
-ใช้คำศัพท์ของตัวเองกับคนอื่นไหม
=การออกเสียง/พูดไม่ชัด
-กาพูดตกหล่น
-ใช้เสียงหนึ่งแทนอีกเสียง
-ติดอ่าง
=การปฎิบัติของครูกับผู้ใหญ่
-ไม่สนใจการพูดซ้ำหือกาออกเสียงไม่ชัดและอย่าไปจ้ำจี้จ้ำชัยเด็ก
-ห้ามบอกเด็กว่า ''พูดซ้ำๆ'' ''ตามสะบาย''คิดก่อนพูด''
-อย่าขัดจังหวะขนาดเด็กพูดปล่อยให้เด็กพูดให้จบ
-อย่าเปลี่ยนกาใช้มือข้างถนัดของเด็ก
-ไม่เปรียบเทียบการพูดของเด็กคนหนึ่งกับเด็กอีกคนหน่ง
-เด็กที่พูดไมชัดอยากจะเกี่ยวกับการได้ยิน
=ทักษะพื้นฐานทางภาษา
-ทักษะการับรู้ภาษา
-การแสดงออกทางภาษา
-การสื่อความหมายโดยไม่ใช่คำพูด








=ความรับผิดชอบของครูปฐมวัย
-การรับรู้ภาษามาก่อนกาแสดงออกทางภาษา
-ภาษาที่ไม่ใช่การพูดมาก่อนภาษาพูด
-ให้เวลาเด็กได้พูด
-คอยให้คำตอบ(ชี้แนะหากจำเป็น)
-เป็นผู้ฟังที่ดีและตอบโต้อย่างซับไว
-เด็กไม่ได้เรียนรู้ภาษาเพยงการฟังเพียงอย่างเดียว
-ให้เด็กทำกิจกรมกลุ่ม เด็กพิเศษจะได้มีแบบอย่างจากเพื่อน
-กระตุ้นให้เด็กบอกความต้องการของตัวเอง(ครูไม่ควคาดการณ์ล่วงหน้า)
-ใช้คำถามปลายเปิด
-ใช้วิธีกาสื่อความหมายมากกว่าการพูด
เด็กพิเศษรับรู้มากเท่าไห่ยิ่งพูดได้มากเท่านั้น
-ร่วมกิจกรรมกับเด็ก




ภาพบรรยากาศในการเรียนการสอน





 กิจกรรมต่อมาอาจาย์ให้ร้องเพลงของสัปดาห์ที่แล้วให้ฟังแข่งกัน 2 กลุ่ม
และหลังจากนั้นอาจารย์ให้กิจกรรมศิลปะบำบัด












ผลงานของคู่หนู 








                                                    ภาพร่วมผลงานของกลุ่มเพื่อน




ความรู้ที่ได้รับจากการทำกิจกรรม 
-เด็กจะได้เรียนมิติสัมพันธ์
-กล้ามเนื้อมัดเล็ก
-ความคิดสร้างสรรค์ที่แปลกใหม่
-ได้เรื่องคณิตศาสตร์เรื่่องรูปทรงต่างๆและสี



การนำไปประยุกต์ใช้
สามารำนำความรู้เื่องกาส่งเสริมทักษะทางภาษาไปช่วยส่งเสริมด้านการพูดด้านการออกเสียงของเด็กให้ดีมากขึึ้นโดยที่เราจะไม่ไปขัดจังหวะเด็กเวลาที่เด็กพูดเวลาที่เด็กจะส่งเสียงหรือแสดงพฤติกรรมในการพูดเพาะถ้าเาไปขัดขว้างจะทำให้เด็กเกิดความสะดุดในการพูดและเราจะไม่ใช่คำพูดบอกเด็กว่าให้เด็กพูดซ้ำๆ  พูดตามสบาย คิดก่อนพูดโดยเด็ดขาดและเราเป็นครูจะต้องเข้าใจถึงสิ่งที่เขาพูดและสิ่งที่เด็กจะได้รับจากครูในการพูดด้วยและห้องเรียนของเด็กที่ช่วยส่งเสริมด้านภาษาของเด็กจะต้องเป็นห้องเรียนที่มีตัวหนังสือเยอะๆและส่งเสริมการร้องเพลง การท่องคำคล้องจอง เป็นต้น


ประเมินตนเอง
ในวันนี้แต่งการเรียบร้อยเข้าเรียนตรงเวลาและได้ตัวปั๊มเด็กดีในการจัดโต๊ะให้เพื่อนไได้เรียนกัน
และในวันนี้ตั้งใจเรียนอยู่บ้างพอสมควรหลังเริ่มจะเล่นจะคุยกับเพื่อนมากไปหน่อยสติแตกแต่ก็สามารถครบคุ้มและกับมามีสติเหมือนเดิมและตั้งใจฟังสิ่งที่อาจารย์มอบให้

ประมินเพื่อน
วันนี้เพื่อนตั้งใจเรียนดีพอสมควรแต่ก็คุยกันหนักอยู่พอสมควรเพราะว่าเราเรียนกัน 2 กลุ่ม แต่งกายเรียบ้อยแต่ก็มีบ้างส่วนที่เข้าเรียนไม่ตรงเวลาให้ความร่วมมือในการเรียนดี

ประเมินอาจารย์
วันนี้อาจาย์เตรียมสื่อการสอนมาพร้อมเป็นอย่างดีแต่งกายน่ารักเหมือนเดิมแต่วันนี้หน้าตาอาจารย์ไม่ค่อยสดชื่นเท่าไห่นักเพราะว่ามีเรื่องเคีลยสนิดหน่อยพอสมควรแต่อาจารย์ก็ให้ความรู้และประสบการณ์เป็นอย่างดีมีการยกตัวอย่างทั้งการพูดและกาแสดงบทบาทสมมุติที่ดีเหมือนเดิมทำให้การเรียนการสอนเห็นภาพที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้นและเข้าใจง่าย

วันเสาร์ที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2558

สัปดาห์ที่ 9 วันที่ 2  มีนาคม 2558





บันทึกอนุทินครั้งที่ 9
Inclusive Education Experiences Management for Early Childhood
วิชาการจัดประสบการณ์การศึกษาแบบเรียนรวม
อาจารย์ผู้สอนอาจารย์ ตฤณ  แจ่มถิ่น
วัน/เดือน/ปี  วันอังคาร ที่ 2  มีนาคม  2558 
เข้าสอนเวลา 14:10-17:30 น.






กิจกรรมวันนี้
วันนี้อาจารย์เริ่มต้นชั่วโมงโดยการพูดและปรึกษากัยเรื่องงานบายเนียร์ที่จะจัดขึ้นซึ่งมีปัญหากันอยู่หลายเรื่องที่ไม่เข้าใจกันและอาจารย์ช่วยวานให้กลุ่มของพวกเาช่วยประสานงานกับเพื่อนๆปี3คนอื่นให้มาประชุมปรึกษากันให้เข้าใจโดยต้องมีอาจารย์เข้าไปประชุมด้วยเพื่อให้คำปรึกษา

จากนั้นอาจารย์ก็มีเกทสนุกๆมาให้พวกเาทำเพื่อกระตุ้นสมองคือกิจกรรม "รถไปเหาะแห่งชีวิต"
โดยอาจารย์ถามคำถามทั้งหมด 5ข้อ คือ





 รูปขณะทำกิจกรรมอาจารย์เดินดูว่าใคตอบอย่างไรบ้าง


1.ถ้านักศึกษษจะขึ้นรถไฟเหาะนักศึกษษจะใช้เวลารอคิวนานเท่าไหร่
ตอบ 5นาที

2.เมื่อนักศึกษาขึ้นไปบนถไฟเหาะนักศึกษษจะรู้สึกอย่างไร
ตอบ กลัวหลับตาตลอด

3.เมื่อรถไฟเหาะกำลังจะลงน้ำนักศึกษษจะร้องแบบไหน
ตอบ โอ้ยยยยเย็น

4.ในขณะที่นักศึกษากำลังนั่งม้าโยกแต่ม้าโยกที่นักศึกษานั่งเกิดเสียนักศึกษาจะรู้สึกอย่างไร
ตอบ เป็นไรว่ะ

5ให้นักศึกษาออกแบบรถไฟเหาะที่คิดว่าหวาดเสียวที่สุดในความคิดของตัวเองแบบไหน




รถไฟเหาะของหนูค่ะ


พอตอบเสร็จแล้วอาจารย์เฉลยคำตอบเป็นสิ่งที่ฮือฮามากค่ะ


ในวันนี้อาจารย์สอนเรื่อง.........    
                                                 "การส่งเสริมทักษะต่างๆของเด็กพิเศษ"

เด็กพิเศษจะต้องส่งเสริมทักษะดังนี้
1.ทักษะทางสังคม
2ใทักษะภาษา
3.ทักษะการช่วยเหลือตนเอง
แต่วันนีอาจารย์สอนเรื่อง    ทักษะทางสังคม  ก่อน

1.ทักษะทางสังคม 


=สภาพแวดล้อมไม่ได้ส่งมากนักทางสังคมกับเด็กพิเศษแต่มันขึ้นอยู่กับตัวเด็กเองว่าจะปรับตัวหรือไม่ปรับตัวกับสภาพสังคมนั้นๆ
-เด็กพิเศษที่ขาดทักษะทางสังคมไม่ได้มีสาเหตุมาจากพ่อแม่หรือผู้ปกครอง
-การอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่ดีไม่ได้เป็นเครื่องรับประกันว่าเด็กมีพัฒนาการต่างๆอย่างมีความสุข

 =กิจกรรมการเล่น
-การเล่นเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งกับการเรียนรู้ทักษะทางสังคม
-เด็กจะสนใจกันเองโดนอาศัยของเล่นเป็นสื่อ
-ในช่วงแรกๆเด็กจะไม่มองเด็กคนอื่นเป็นเพื่อน แต่เป็นอะไรอย่างอื่นที่สามารถ สำวจ ผลัก สัมผัส ดึง
(เด็กพิเศษในกาเล่นของเล่นเขาจะมองเพื่อนก่อนว่าเล่นอย่างไร  / เด็กพิเศษจะมีพฤติกรรมแบบว่าถ้ามีสิ่งไหนมากีดขว้างเขาจะกำลังสิ่งนั้นออกไปทันที แต่คนเป็นครูจะต้องค่อยสอนเขาไปเรื่อยๆ/อาการนีมักจะเกิดขึ้นกับเด็กสมาธิสั้นมากที่สุด)


=ยุทธศาสตร์กาสอน
-เด็กพิเศษหลายๆคนไม่รู้วิธีเล่น ไม่รู้ว่าจะเล่นอย่างไร
-ครูเริ่มต้นจากการสังเกตเด็กแต่ละคนอย่างเป็นระบบ
-จะบอกได้ว่าเด็กมีทักษะการเล่นอย่างไร
-ครูจดบันทึก
-ทำแผน IEP
(ครูจะต้องสังเกตเด็กอย่างเป็นระบบและจดบันทึกไว้เสมออย่างละเอียด /ครูต้องจำต้องรู้/เพื่อจะนำไปทำแผน IEP/แผน IEP ไม่จำเป็นต้องเขียนให้เด็กพิเศษเท่านั้นเด็กปกติก็เขียนได้)

=การกระตุ้นการเลียนแบบและการเอาอย่าง
-วางแผ่นกิจกรรมการเล่นไว้หลายๆอย่าง
-คำนึงถึงเด็กทุกคน
-ให้เด็กเล่นเป็นกลุ่มเล็กๆ 2-4 คน แต่จะต้องมีเด็กพิเศษเพียงหนึ่งคนเท่านั้นเพราะว่าจะง่ายต่อการดูแล
-เด็กปกติทำหน้าที่เหมือนครูให้เด็กพิเศษ





=ครูปฎฺิบัติอย่างไรขณะเด็กเล่น
-อยู่ใกล้ๆและเฝ้ามองอย่างสนใจ
-ยิ้นและพยักหน้าให้เมื่อเด็กหันมาหาครู
-ไม่ชมเชยหรื่อสนใจเด็กมากเกินไป
-เอาวัสดุอุปกรณ์มาเพิ่ม เพื่อยืดเวลาการเล่น
-ให้ความคิดเห็นที่เป็นแรงเสริม

=การให้แรงเสริมทางสังคมในบริบทที่เด็กเล่น
-ครูพูดชักชวนให้เด็กเล่น่วมกับเพื่อน
- นำโดยการพูกชักชวนของครูที่น่าสนใจ

=ช่วยเด็กทุกคนให้รู้กฤเกณฑ์
-ไม่ง่ายสำหับเด็กพิเศษ
-การให้โอกาสเด็ก
-เด็กพิเศษเรียนรู้สิทธิต่างๆเหมือนเพื่อนในห้อง
-ครูต้องไม่ใช้ความบกพ่องของเด็กเป็นเครื่องต่อรอง
(เด็กทุกคนในห้องเรียนไม่ว่าจะเป็นเด็กปกติหรือเด็กพิเศษจะต้องมีความเท่าเทียมกันเสมอพากกันโดยที่ครูต้องไม่เห็นว่าเด็กพิเศษไม่สามารถทำอะไรได้แล้วให้สิทธิกับด็กพิเศษก่อนเป็นสิ่งที่ผิด)


กิจกรรมต่อมา อาจารย์แจกชีดเพลงทั้งหมด 6 เพลงให้ร้อง








ผู้แต่งอ.ศรีนวล  รัตนสุวรรณ
เรียบเรียง อ.ตฤณ แจ่มถิน


1.เพลง ดวงอาทิตย์
ยามเช้าตรู่อาทิตย์ทอแสงทอง
เป็นประกายเรืองรอง ผ่องนภา
สว่างไปทั่วแหล่งหล้า บ่งเวลาว่า
กลางวัน

 2.เพลง ดวงจันทร์
ดวงจันทร์ทอแสงนวลใย
สุกใสอยู่ในท้องฟ้า
เราเห็นดวงจันทร์ทรา
แสงพราวตาเวลาค่ำคืน

3.เพลงดอกมะลิ
ดอกมะลิ กลับขาวพาวตา
เก็บเอามาร้อยเป็นมาลัย
บูชาพระทั้งใช้ทำยาก็ได้
ลอยในน้ำ อบขนมหอมชื่นใจ

4.เพลง กุหลาบ
กุหลาบงาม ก้านหนามแหลมคม
จะเด็ดดมระวังกายา
งามสดสีเป็นดอกไม้มีค่า
เก็บเอามาประดับไว้ในแจกัน


5.เพลง นกเขาขัน
ฟังสิฟังนกเขาขันมันขยันคู่
ฟังสิฟังนกเขาขันมันขยันคู่
จุ๊กกรู จุ๊กกรู จุ๊กกรู จุ๊กกรู จุ๊กกรู

6.เพลง รำวงดอกมะลิ
 รำวง รำวง ร่วมใจ 
หอมดอกมะลิที่้ร้อยมาลัย
กลิ่นหอมตามลมไปไกล
หอมกลิ่นชื่นใจ จริงเอย
 

กิจกรรมสุดท้ายในวันนีคือ  ศิลปะบำบัด  ซึ่งอาจารย์ให้จับคู่กัลเพื่อน
แล้วออกมารับอุปกรณ์ คือ กระดาษ สีเทียน  จากนั้นให้ตกลงกับคู่ของตัวเองว่าใคจะเป็นเส้นหรือเป็นจุด
 หนูเป็นเส้นค่ะ และมีข้อตกลงดังนี้คือ





1.ให้ลากเส้นตามจังหวะเพลง แล้วให้เพื่อนอีกหนึ่งคนจุดตามเส้นที่มองเห็นว่าเป็นรูปวงกลม
2.เมื่อเพลงให้นักศึกษาหยุดทันทีและวางอุปรณ์ลง
3.ให้นักศึกษามองว่าเส้นที่ลากและจุกนักศึกษามองเห็นเป็นรูปอะไร


 ผลงานของคู่เรา 






 ผลงานของเพื่อน 









จากนั้นสรุปกิจกรรม 







ศึกษาเพิ่มเติม

ศิลปะบำบัด (art therapy) คือ การบำบัดรักษาทางจิตเวชรูปแบบหนึ่ง ที่ประยุกต์ใช้กิจกรรมทางศิลปะเพื่อค้นหาข้อบกพร่อง ความผิดปกติบางประการของกระบวนการทางจิตใจ โดยใช้ความรู้เกี่ยวกับการประเมินทางจิตวิทยา เพื่อเปิดประตูเข้าสู่จิตใจในระดับจิตไร้สำนึก และเลือกใช้กิจกรรมทางศิลปะที่เหมาะสมช่วยในการบำบัดรักษา และฟื้นฟูสมรรถภาพให้ดีขึ้น
จากแนวคิดที่ว่า ศิลปะ คือ หนทางแห่งการปลดปล่อย อารมณ์ ความรู้สึก ความคิด ตามความต้องการของแต่ละคน เด็กก็เช่นกัน พวกเขาต้องการ สิทธิ เสรีภาพ ที่จะแสดงออกซึ่ง ความต้องการของเขาอย่างมีความสุข พวกเขาต้องการโอกาสที่จะพัฒนา ศักยภาพของตัวเขาเองในด้าน การเรียน การเล่น และการแสดงออกต่างๆ
ศิลปะบำบัด มีประโยชน์ในด้านการพัฒนาอารมณ์ สติปัญญา สมาธิ ความคิดสร้างสรรค์ รวมถึงการช่วยพัฒนากล้ามเนื้อมัดเล็ก และการประสานงานการเคลื่อนไหวของร่างกาย นอกจากนี้ยังเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วย กระตุ้นการสื่อสาร และเสริมสร้างทักษะสังคมอีกด้วย
ศิลปะบำบัด เป็นรูปแบบหนึ่งของการแพทย์เสริมและทางเลือก (complementary and alternative medicine) ที่เน้นการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม นำมาเสริมในการดูแลรักษาแนวทางหลักให้มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น จึงจำเป็นต้องมีการประสานงานกันเป็นทีมระหว่างนักศิลปะบำบัดกับแพทย์ที่ดูแลรักษาผู้ป่วย ไม่ใช่รูปแบบการบำบัดรักษาที่สามารถแยกเป็นอิสระได้ ต้องทำไปควบคู่กัน
ศิลปะบำบัด ยังนับเป็นรูปแบบหนึ่งของการทำจิตบำบัด (psychotherapy) ที่ใช้ศิลปะเป็นเครื่องมือสำคัญ เพื่อช่วยเหลือบุคคลที่มีปัญหาด้านอารมณ์และจิตใจ ซึ่งหลักการของศิลปะบำบัด คือใช้ศิลปะเป็นสื่อในการแสดงออกถึงอารมณ์ ความรู้สึก ความขัดแย้ง และความต้องการ ที่ซ้อนเร้นอยู่ภายในส่วนลึกของจิตใจ
การแสดงออกทางผลงานศิลปะ ไม่ว่าจะเป็นลายเส้น สี รูปทรง สัญลักษณ์ อารมณ์ ความหมาย ที่สื่อออกมาทั้งหมดสามารถนำมาวิเคราะห์ให้เห็นถึงความรู้สึกนึกคิดว่าเป็นอย่างไร หรือสภาพจิตมีปัญหาอย่างไร

การประเมินผลการบำบัดรักษาด้วยศิลปะบำบัด เน้นที่ กระบวนการ และกิจกรรมทางศิลปะ ไม่ได้เน้นที่ผลงานหรือคุณค่าทางศิลป


การนำไปประยุกต์ใช้
ทำให้รู้ว่าการส่งเสริมทักษะต่างๆให้กับเด็กนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญเป็นอย่างมาเพราะว่าเราเป็นครูจะต้องส่งเสริมทักษะเหล่านี้ให้กับเด็กไม่ว่าทักษะทางสังคม ทักษะภาษา ทักษะการช่วยเหลือตนเอง แต่ทักษะทางสังคมนั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมแต่กับขึ้นอยู่กับตัวของเด็กเองมากกว่าเพราะขึ้นอยู่กับเด็กว่าเลือกที่จะปรับตัวหรือว่าไม่ไม่ปรับตัวและเราจะต้องสังเกตและจดบันทึกเด็กอย่างเป็นระบบเป็นบันทึกอย่างต่อเนื่องจนให้รู้แจ้งเห็นจริง และครูควรที่จะจัดกิจกรรมให้เด็กเล่นกันเป็นกลุ่มเพื่อที่จะได้ส่งเสริมทักษะการเข้าสังคมการทำงานเป็นกลุ่มการช่วยเหลือซึ่งกันและกันเพราะเป็นสิ่งที่สำคัญกับเด็กมากๆดีกว่าที่จะให้เขาเล่นเพียงคนเดียวและการแจกของเล่นให้กับเด็กจะต้องมีจำนวนของเล่นครึ่งหนึ่งของจำนวนเด็กเพราะที่ทำอย่างนี้เด็กจะได้รู้จักการแบ่งปันและรู้จักการรอคอย
ประเมินตนเอง
ในวันนี้แต่งตัวไม่เรียบร้อยไม่ได้ใส่ชุดสีชมพูแต่ใส่ชุดนักศึกษาไม่เหมือนเพื่อนเพราะว่าไปทำธุระมาค่ะแต่เข้าเรียนตรงเวลาในการเรียนให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีและตั้งใจฟังสิ่งที่อาจารย์สอนและจดบันทึกทุกอย่างละเอียดพอสมควรไม่เข้าใจก็ถามและพอาจารย์ถามก็สามารถตอบได้และได้ตัวปั๊มเด็กดีมาอีกด้วย

ประเมินเพื่อน
วันนีเพื่อนแต่งกายเรียบร้อยและตั้งใจเรียนบ้างพอสมควรแต่เวลาจดเพื่อนก็จดตามที่อาจารย์สอนและเพิ่มเติมให้และตั้งใจเรียนเป็นอย่างดีเข้าเรียนตรงเวลาและให้ความร่วมมือในกาทำกิจกรรมดีมากทุกคนและโต้ตอบกับอาจาย์เวลาถามเป็นอย่างดี

ประเมินอาจารย์
อาจารย์เตียมสื่อและอุปกรณ์การสอนต่างๆมาอย่างเตรียมพร้อมแต่งกายเรียบร้อยน่ารักให้ความรู้และเทคนิคต่างๆที่แปลงใหม่และน่าสนใจอยู่เสมอมีการแสดงบทบาทสมมุติให้นักศึกษามองภาพกิจกรรมต่างๆได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น

MixDiary_cat_20.gifMixDiary_cat_20.gifMixDiary_cat_20.gifMixDiary_cat_20.gifMixDiary_cat_20.gifMixDiary_cat_20.gif